"เจ้าฟ้าพร" หรือ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ" กษัตริย์ยุคชิงราชสมบัติ ผู้ฟื้นฟูพุทธศา…

หนึ่งในตัวละครจากเรื่อง "พรหมลิขิต" ภาคต่อจากละครบุพเพสันนิวาส ที่น่าจับตาคือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (เด่นคุณ งามเนตร)ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปราบปรามความไม่สงบ จนกรุงอังวะยอมสยบ และฟื้นฟูพุทธศาสนาในกรุงลังกา อีกทั้งยังเป็นยุคแห่งวรรณคดีอีกยุคหนึ่งด้วย โดยเราจะมาทำความรู้จักกับพระองค์ให้มากขึ้น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีพระนามเดิมว่าเจ้าฟ้าพร เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2223 ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ มีพระเชษฐาคือเจ้าฟ้าเพชร

ประวัติ “ท้าวทองกีบม้า” ลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ผู้สร้างตำนานขนมไทย

ราหูย้าย 2566 เปิดวิธีไหว้พระราหู-ประวัติความเชื่อทางโหราศาสตร์

พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นพระบัณฑูรน้อยในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 และเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 หรือพระเจ้าท้ายสระ

หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 เกิดการสู้รบกันระหว่างพระองค์กับพระราชโอรสของพระเจ้าท้ายสระคือ เจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์ อันเนื่องมาจากพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล มีสิทธิที่จะขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อพระเชษฐาอย่างถูกต้อง

แต่เมื่อพระเจ้าท้ายสระใกล้สวรรคตกลับตัดสินพระทัยยกราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้านเรนทร พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ แต่เจ้าฟ้านเรนทรไม่รับสืบราชสมบัติเพราะเห็นว่ามีกรมพระราชวังบวรฯ ซึ่งสมควรได้สืบราชสมบัติมากกว่า พระเจ้าท้ายสระจึงยกราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย (พระราชโอรสองค์รอง) เป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงราชบัลลังก์จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง กินระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี

ภายหลังเหตุการณ์สงบแล้ว กรมพระราชวังบวรสถานมงคลจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พร้อมสำเร็จโทษเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์

หลังจากขึ้นครองราชสมบัติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงพระโทมนัสแค้นพระทัยสมเด็จพระเชษฐาธิราชเจ้า ตรัสว่าจะไม่เผาพระบรมศพสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระแต่จะให้ทิ้งน้ำเสีย พระยาราชนายก ว่าที่กลาโหม จึงกราบทูลเล้าโลมอ้อนวอนพระองค์อยู่หลายครั้ง จนพระองค์ทรงยอมพระทัยและทรงมีพระกรุณาดำรัสสั่งให้ตั้งพระเมรุมาศขนาดน้อย ขื่อ 5 วา 2 ศอก ให้ชักพระบรมศพออกถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระตามโบราณราชประเพณี

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2280 เป็นต้นมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอย่างต่อเนื่องโดยเสด็จประพาสโดยกระบวนนาวาพยุหะฉลองวัดหันตราและสมโภชพระอาราม 3 วัน ในปีต่อมาก็เสด็จสมโภชพระพุทธบาท

เมื่อ พ.ศ. 2293 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีพระชนมายุ 71 พรรษา (บ้างว่า 70 พรรษา) ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2301 เดือนมิถุนายนเวลาค่ำปฐมยามเศษ (ราว 18.00 น.) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงเสด็จสวรรคตเมื่อวันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2301 สิริพระชนมายุ 78 พรรษา พระองค์อยู่ในราชสมบัติรวม 26 พรรษาถ้วน

พระราชกรณียกิจสำคัญ

การเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงอังวะ

เมื่อ พ.ศ. 2287 ปีชวด เมืองเมาะตะมะกับเมืองทวายเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น มังนราจังซู เจ้าเมืองเมาะตะมะ และ แนงแลกแวซอยดอง เจ้าเมืองทวายอพยพครอบครัวและชาวเมืองรวม 300 คน เข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ ขุนละคร กับ ขุนนรา นายด่านในขณะนั้นจึงพาไปให้แก่เจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) แล้วพาเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงพระมหากรุณาธิคุณรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคกับตราภูมิห้าม แล้วให้ปลูกบ้านเรือนที่อยู่อาศัยแก่เจ้าเมืองทั้งสองรวมชาวเมืองให้อยู่ข้างวัดมณเฑียรในกรุงศรีอยุธยา ทรงตรัสถามมูลเหตุกับเจ้าเมืองทั้งสองนั้น

มังนราจังซูและแนงแลกแวซอยดองกราบทูลว่าหัวหน้ามอญชื่อ สมิงถ่อ กับ พระยาทะละ คิดกบฏต่อพระเจ้ามหาธรรมราชาธิบดี กรุงอังวะ ได้เข้าปล้นยึดกรุงหงสาวดีแล้วสมิงถ่อจึงตั้งตนเป็นกษัตริย์ พระยาทะละจึงยกบุตรีของตนให้เป็นมเหสีของพระเจ้ากรุงหงสาวดี (สมิงถ่อ) มังนราจังซูและแนงแลกแวซอยดองจึงเกณฑ์ไพร่พลเมืองจากเมืองเมาะตะมะ ทวาย และเมืองกะลิออง เข้าตีเมืองหงสาวดีช่วยเหลือพระเจ้ามหาธรรมราชาธิบดีแต่ไม่สำเร็จจึงถูกฝ่ายพระเจ้ากรุงหงสาวดี (สมิงถ่อ) ตามสกัดจึงหนีมาพึ่งกรุงศรีอยุธยา

ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณพระเจ้ามหาธรรมราชาธิบดี แห่งกรุงอังวะ ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระเจ้ากรุงศรีอยุธยานั้นทรงเป็นที่พึ่งแก่ชาวเมาะตะมะและทวาย ก็ทรงพระโสมนัสจึงทรงแต่งพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการ ประกอบด้วย พานทองประดับ 1 คนโทน้ำครอบทอง 1 ผอบเมียงทอง 1 ขันทอง 1 พระภูษาทรงลายกงจักรริมแดง 1 ผ้าทรงพระมเหสีสำรับ 1 ผ้าลายมีลายโต ๆ ต่าง ๆ กัน เรือสารพิมานสำทรงลำ 1 กับน้ำมันดินและดินสอแก้ว ดินสอศิลา และสิ่งของอื่นๆ อีกจำนวนมาก

พร้อมโปรดให้ มังนันทจอสู และ มังนันทจอถาง เป็นราชทูตและอุปทูตแห่งกรุงอังวะนำความพระราชสาส์นกับเครื่องราชบรรณาการไปถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

ส่งสมณทูตฟื้นฟูศาสนาพุทธ ณ กรุงลังกาคำพูดจาก เว็บสล็อตแท้

สืบเนื่องจากพระพุทธศาสนาในศรีลังกาเสื่อมลงจากการล่าอาณานิคมของโปรตุเกสตั้งแต่ พ.ศ. 2048 แม้ชาวดัทซ์กับชาวลังกาได้ช่วยขับไล่ชาวโปรตุเกสออกไปจนสำเร็จเมื่อ พ.ศ. 2201 แต่ชาวดัทซ์ได้เข้ามาครอบครองและเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโปเสตแตนต์ในศรีลังกา เมื่อพระเจ้าราชสิงห์ที่ 1 ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 2124 แต่พระองค์ทรงหันไปนับถือศาสนาฮินดูนิกายไศวะและทำลายพระพุทธศาสนาด้วยการเผาคัมภีร์และปราบพระสงฆ์จนหมดสิ้น

ถึงรัชสมัยพระเจ้าศรีวิชัยราชสิงหะทรงจะฟื้นฟูพระพุทธศาสนา พระองค์ทรงทราบจากพ่อค้าชาววิลันดาว่าพระพุทธศาสนาของกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศนั้นเจริญรุ่งเรืองมากจึงแต่งคระราชทูตลังกาเชิญพระราชสาส์นมาขออาราธนาพระสงฆ์ของกรุงศรีอยุธยา แต่คระราชทูตลังกาไปติดค้างอยู่ที่เมืองปัตตาเวียจึงไม่ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

เมื่อ พ.ศ. 2293 รัชกาลพระเจ้าเกียรติศิริราชสิงหะ กรุงลังกา ทรงเลื่อมในพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกับพระเจ้าศรีวิชัยราชสิงหะ จึงมีพระราชสาส์นเขียนเป็นภาษาบาลี และเครื่องราชบรรณาการพร้อมส่งคณะราชทูต 5 คน ชื่อ อตปัตตุเว โมโหฏฏาละ, เวฑิกการะ โมโหฏฏาละ, อิริยคมะ ราละ, อยิตตาลิยัทเท ราละ, และวิละภาเคทะระ ราละ พร้อมผู้ติดตาม มายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อขออาราธนาพระสงฆ์ของกรุงศรีอยุธยาไปอุปสมบทชาวลังกา เมื่อคณะราชทูตลังกาเดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเต็มไปด้วยอัธยาศัยไมตรี

แล้วยังทรงพาคณะราชทูตลังกาไปนมัสการรอยพระพุทธบาท พระพุทธไสยาศน์ วัดคังคาราม วิหารพระมงคลบพิตร และพระราชทานของบำเหน็จ หีบเงิน หีบทอง ของมีค่าต่างๆ อีกมากมาย

พร้อมกันนี้ ยังโปรดให้พระอุบาลีเถระเป็นหัวหน้า มีพระอริยมุนีกับคณะพระสงฆ์ 12 รูป เดินทางโดยเรือเดินสมุทรของชาวดัทซ์ไปศรีลังกาพร้อมด้วย พระมณฑป พระพุทธรูป รอยพระพุทธบาทจำลองวัดพระพุทธบาท หีบพระธรรม เครื่องราชบรรณาการ และพระราชสาส์น

คณะสมณทูตกรุงศรีอยุธยาเดินทางไปถึงลังกาสำเร็จได้พำนักที่วัดบุพพาราม กรุงแกนดี ได้ประกอบพิธีผูกสีมาแล้วอุปสมบทกุลบุตรชาวลังกา สามเณรสรณังกร ที่อุปสมบทเมื่อคราวนั้นก็ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระสังฆราชแห่งลังกาทวีป จึงเกิดคณะสงฆ์อุบาลีวงศ์ (สยามวงศ์ หรือสยามนิกาย) ใช้เวลา 7 ปีเศษ ในการฟื้นฟูกระทั่งคณะสงฆ์อุบาลีวงศ์กลายเป็นพุทธศาสนนิกายที่ใหญ่ที่สุดในศรีลังกาอยู่จวบจนถึงปัจจุบัน

ด้านการเมืองการปกครอง

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองและพระศาสนาจนกล่าวได้ว่ากรุงศรีอยุธยาในสมัยพระองค์นั้น สมัยรัชกาลที่ 1 กรุงรัตนโกสินทร์เรียกว่าเป็นยุค บ้านเมืองดี มีขุนนางคนสำคัญที่เติบโตในเวลาต่อมา ในรัชกาลของพระองค์หลายคน เช่น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นต้น ในทางด้านวรรณคดี ก็มีกวีคนสำคัญ เช่น เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ เจ้าฟ้ากุณฑล และเจ้าฟ้ามงกุฎ ซึ่งเป็นพระราชโอรสและพระราชธิดา เป็นต้น

ทว่าการเมืองภายในกรุงศรีอยุธยารัชสมัยพระองค์ก็ยังมีความขัดแย้งสูงมาก ไม่สามารถควบคุมการแสวงหาผลประโยชน์ของขุนนางได้มากนักด้วยสาเหตุการขยายตัวด้านการค้าและเงินตราที่มุ่งแต่ “…จเอาแต่เงินเป็นอนาประโยชน์เอง” นอกจากนี้การขึ้นครองราชย์ของพระองค์ก็ล้วนมีขุนนางให้ความช่วยเหลือ พระองค์จึงทรงประนีประนอมผลประโยชน์ และอำนาจระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับขุนนางให้เกิดความสงบสุข

ด้านวรรณกรรม

ในรัชกาลพระองค์ทรงทำนุบำรุงบทกวีและวรรณคดีให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงเป็นองค์อุปถัมภ์วรรณคดีตลอดระยะเวลาที่ครองราชย์ มีงานนิพนธ์ทุกชนิดโดยเฉพาะกลอน ทั้งกลอนกลบทและกลอนบทละคร เชื่อว่าถือกำเนิดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ วรรณกรรมชิ้นเอกที่เป็นที่รู้จักในรัชกาลพระองค์ ได้แก่

  • โคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์
  • โคลงประดิษฐ์พระร่วง (ปรดิดพระร่วง) ฉบับพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่บรมโกศ
  • โคลงพาลีสอนน้อง
  • โคลงราชสวัสดิ์
  • โคลงทศรถสอนพระราม
  • โคลงราชานุวัตร
  • จินดามณีฉบับพระเจ้าบรมโกศ
  • อิเหนา
  • กาพย์ห่อโคลงนิราศประพาสธารทองแดง พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์
  • กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์
  • กาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาท พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์
  • นันโทปนันทสูตรคำหลวง สูตรคัมภีร์ทีฆนิกายภาษาบาลี
  • พระมาลัยคำหลวง
  • บทเห่เรื่องกากี 3 ตอน

เรียกร้องถอดสัญชาติ เบนเซม่า ยึดบัลลงดอร์ หลังเชื่อมโยงกลุ่มก่อการร้าย

พยากรณ์ล่วงหน้า 24 ต.ค. – 2 พ.ย. ฝนปนอากาศเย็น นับถอยหลังฤดูหนาว!

อุตุฯ ประกาศฉบับที่ 6 พายุโซนร้อน “ซันปา”