แบงก์ชาติเชื่อม็อบไม่ฉุดเศรษฐกิจ หากไม่กระทบการท่องเที่ยว
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึง ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. สร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนส่วนหนึ่ง
โดยเรื่องนี้ นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า ไม่มีความกังวลว่าการชุมนุมประท้วงจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย หากเป็นการชุมนุมอย่างสันติก็ไม่มีปัญหาอะไร เว้นแต่ว่าจะเกิดความไม่สงบจนกระทบกับการท่องเที่ยวหรือหากลงถนนแล้วไม่กระทบการท่องเที่ยวก็เชื่อว่าเศรษฐกิจปีนี้ยังโตในกรอบ 3-4%
สถานการณ์การเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลไม่น่าจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยยังประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังโตได้ 3-4%
ส่วนที่ภาคเอกชน นักวิชาการ ส่วนหนึ่งมีความกังวลว่าหากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าจะส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหา แต่สิ่งที่หายไปคืองบลงทุนแต่ก็ยังไม่ถือว่าเยอะ
อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า งบประมาณเป็นเพียงแค่ประเด็นรอง แต่ประเด็นหลักที่น่าเป็นห่วงหากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า คือ ความเชื่อมั่น รวมถึงนโยบายที่จะออกมาจากรัฐบาลใหม่ ก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐพุฒิ ชี้ว่า ไม่ว่าพรรคไหนก็ตามจะได้เป็นรัฐบาล ต้องมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเสถียรภาพ กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน มากกว่านโยบายใช้เงินอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะตอนนี้การท่องเที่ยวกลับมาแล้ว การบริโภคเริ่มฟื้นตัว ไม่มีความจำเป็นต้องอัดฉีดกระตุ้นการบริโภค
หมายความว่าไม่ใช่แค่เรื่องเงื่อนไขเวลา ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าหรือไม่ แต่ต้องมองว่าเมื่อจัดตั้งเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไร มีเสถียรภาพหรือไม่ด้วยเช่นกัน
ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไปสิ้นสุดลง
ททท.ห่วง ตั้งรัฐบาลช้า งบฯโปรโมทท่องเที่ยว 67 สะดุด
ในส่วนประเด็นอื่นๆ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ว่ายังโตในกรอบ 3-4% โดยครึ่งหลังของปีคาดว่าจะขยายตัวได้ 4.2% โดยมีเครื่องยนต์สำคัญคือภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ถึง 29 ล้านคน แต่ยังต้องจับตาเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย แม้ว่าตลาดใหญ่อย่างจีนจะเริ่มแผ่วลง และมีแนวโน้มว่าคนจีนจะหันไปท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวจากชาติอื่น ๆ เข้ามาเติมเต็ม ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังประเมินว่าปีนี้ไทยจะรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 29 ล้านคนคำพูดจาก เว็บสล็อต ดีที่สุดในไทย
ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า ยังมีความจำเป็นต้องทำนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ โดยการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อควบคุมให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3% แต่ต้องไม่ใช่การขึ้นดอกเบี้ยแบบเร็วหรือแรงเกินไป เนื่องจากเรายังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง อาจทำให้ภาคการเงินมีปัญหาได้
สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งไปถึงระดับ 90.6% ต่อจีดีพี หลังจากที่มีการปรับข้อมูลให้ครอบคลุมผู้ให้กู้เพิ่มขึ้น 4 กลุ่ม ได้แก่ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) สหกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่สหกรณ์ออมทรัพย์ การเคหะแห่งชาติ และ พิโกไฟแนนซ์ นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ยังเตรียมประกาศมาตรการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ซึ่งจะมีผลภายในวันที่ 1 มกราคม 2567 และมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง ภายในวันที่ 1 เมษายน 2567 โดยจะมีการออก Directional Paper ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้