Tiết lộ bất ngờ sau clip nghìn công nhân hát Quốc ca trong xưởng may

Clip dài hơn 1 phút lan truyền trên mạng xã hội về một buổi chào cờ trong ngày làm việc đầu năm sau kỳ nghỉ thu hút sự chú ý của cộng đồng mạng.

Trong clip, hàng nghìn công nhân trong trang phục áo đỏ sao vàng, đưa tay chào cờ trong tiếng nhạc của bài Tiến quân ca. Điều đặc biệt, buổi lễ được cử hành trong phân xưởng, các công nhân đứng nghiêm trang chào cờ ngay tại vị trí làm việc của mình.

Sau khi được đăng tải trên mạng xã hội, buổi chào cờ đặc biệt này nhận nhiều đánh giá tích cực từ người dùng mạng xã hội.

“Thật tự hào và xúc động”, người dùng facebook Nguyễn Phúc An bình luận. “Tôi yêu Tổ quốc của tôi. Tự hào là người Việt Nam”, bạn Bùi Tiệp xúc động để lại bình luận dưới video.

Người dùng Vân Nam Trần nêu ý kiến: “Thật xúc động. Nếu doanh nghiệp nào ý thức chính trị và tinh thần dân tộc cũng cao thế này thì quan hệ hài hòa, ổn định”.

Theo nội dung đăng tải, video trên được quay tại Công ty TNHH Wooin Vina (cụm công nghiệp Tháp – Hồng – Kỹ, huyện Diễn Châu, tỉnh Nghệ An).

Ông Nguyễn Xuân Hào – Chủ tịch Công đoàn Công ty TNHH Wooin Vina – xác nhận với phóng viên Dân trí, đoạn clip kể trên được ghi tại công ty.

“Lễ chào cờ được thực hiện và duy trì từ nhiều năm nay. Toàn thể cán bộ, công nhân viên công ty thực hiện lễ chào cờ vào sáng thứ 2 đầu tuần và buổi làm việc đầu tiên sau kỳ nghỉ Tết Nguyên đán”, ông Hào thông tin.From: game casino

Theo chia sẻ của vị Chủ tịch Công đoàn, đây là quy định do bà Jung An Na – Giám đốc công ty đưa ra từ thời điểm công ty mới thành lập, năm 2012. Hoạt động chào cờ đầu tuần này đã được đưa vào quy chế hoạt động của công ty và áp dụng cho toàn thể ban lãnh đạo, công nhân và người lao động của công ty.

“Bà Jung An Na mong muốn qua hoạt động này sẽ tiếp tục bồi đắp tinh thần yêu nước, tự hào dân tộc, tinh thần đoàn, kết gắn bó trong công nhân lao động. Thông qua hành động ý nghĩa này, lãnh đạo công ty mong muốn người lao động gắn bó hơn với doanh nghiệp, thi đua sản xuất.

Trong xưởng sản xuất treo 2 quốc kỳ, quốc kỳ Việt Nam và quốc kỳ Hàn Quốc. Vào sáng thứ 2 hàng tuần, trước giờ làm việc, nghi lễ chào cờ được cử hành. Theo quy định, công nhân mặc áo đỏ sao vàng, nghiêm trang khi thực hiện nghi lễ chào cờ và hát quốc ca Việt Nam”, ông Hào chia sẻ.

Ông Hào cho biết thêm, tại công ty, việc xây dựng văn hóa và quan hệ lao động, mối đoàn kết, gắn bó giữa người sử dụng lao động và người lao động, giữa lao động và lao động được đặc biệt chú trọng.

“Chúng tôi không thực hiện khoán sản phẩm theo cá nhân mà khoán theo tập thể, đề cao tính đoàn kết, tương trợ, giúp đỡ lẫn nhau…”, ông Nguyễn Xuân Hào thông tin.

Công ty TNHH Wooin Vina hoạt động trong lĩnh vực may thời trang xuất khẩu với 100% vốn nước ngoài. Hiện doanh nghiệp này có hơn 1.800 lao động với lương cơ bản 5-6 triệu đồng/tháng (chưa tính tăng ca).

Ông Hà Huy Đồng – Chủ tịch Liên đoàn lao động huyện Diễn Châu – cho biết: “Công ty TNHH Wooin Vina là một trong những doanh nghiệp thành lập sớm, hoạt động ổn định trên địa bàn.

Đây cũng là doanh nghiệp được đánh giá cao trong việc thực hiện các nghĩa vụ về bảo hiểm và đảm bảo các chế độ phúc lợi cho đoàn viên lao động, xây dựng mối quan hệ lao động hài hòa cũng như xây dựng, duy trì tốt về văn hóa doanh nghiệp…”.

ออมสิน โชว์ผลงานธนาคารเพื่อสังคม ช่วย 16 ล้านคน เข้าถึงเม็ดเงิน 47,500 ล้าน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารออมสินได้เปลี่ยนมาสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคมเต็มรูปแบบตั้งแต่กลางปี 2563 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ตอบรับนโยบายรัฐบาลในการเป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ส่งต่อความช่วยเหลือไปยังภาคธุรกิจและประชาชน โดยทำภารกิจสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม (Social Impact) ได้ในวงกว้าง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี มีผู้ได้รับประโยชน์เป็นรูปธรรมผ่านโครงการต่าง ๆ มากถึง 16 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินที่ธนาคารให้การสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนแล้วกว่า 47,500 ล้านบาท ผ่านมิติความช่วยเหลือ 3 ด้าน ได้แก่ 1) มิติการช่วยลดต้นทุนการกู้ สร้างแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำและเป็นธรรม ผ่านโครงการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โครงการลดดอกเบี้ยสินเชื่อครู โครงการดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด ทำให้ประชาชนมีทางเลือกการกู้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง คิดเป็นส่วนต่างดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 32,800 ล้านบาท 2) มิติการช่วยลดภาระของลูกหนี้ ทั้งการออกมาตรการพักชำระหนี้และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงวิกฤติโควิด-19 ซึ่งทำให้ธนาคารมีรายได้ลดลงกว่า 10,700 ล้านบาท จากการหยุดรับรู้รายได้ดอกเบี้ย และ 3) มิติการช่วยสนับสนุนงบประมาณ จำนวนกว่า 4,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพื่อสังคม เช่น โครงการสร้างงานสร้างอาชีพ และโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกมากมายภายใต้กรอบแนวคิด ESG เป็นต้น จากผลการดำเนินงานที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรมตลอดเวลาเกือบ 3 ปี ทำให้ธนาคารออมสินได้รับรางวัลเกียรติยศจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติรวมทั้งสิ้น 55 รางวัล ในจำนวนนี้เป็นรางวัลระดับนานาชาติ 13 รางวัล และเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จตามบทบาทภารกิจเชิงสังคม จำนวน 33 รางวัลคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ธนาคารมียอดสินทรัพย์รวม 3,104,882 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2562) มีเงินฝากรวม 2,646,049 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.7% จากปี 2562) มีสินเชื่อรวม 2,296,928 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6.7% จากปี 2562) และระดับความแข็งแกร่งพิจารณาจากอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 17.69% ขณะเดียวกัน ธนาคารยังสามารถควบคุมหนี้ให้อยู่ในระดับ 2.55% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายควบคุม และมีเงินสำรองเพื่อรองรับความเสียหายจากหนี้เสีย รวม 101,878 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแตะระดับแสนล้านบาทครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ ช่วยเสริมแกร่งให้ธนาคารมีความมั่นคงในระยะยาว คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPLs (Coverage Ratio) สะท้อนความมั่นคงมีเสถียรภาพของธนาคารที่ระดับ 174.28% โดยธนาคารสามารถทำกำไรได้ในระดับที่เหมาะสม รวม 27,126 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิในระดับสูงกว่าปีที่ผ่านมา และสูงกว่าปี 2562 ก่อนเปลี่ยนจุดยืนเป็นธนาคารเพื่อสังคม ซึ่งผลกำไรเกิดจากการที่ธนาคารลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง (Cost Reduction Program) เพื่อนำกำไรไปจัดสรรทำภารกิจช่วยสังคมตามนโยบายรัฐ และนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินจำนวน 17,349 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดนำส่งสูงสุดอันดับ 4 จากรัฐวิสาหกิจ 58 แห่งคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สำหรับในปี 2566 ธนาคารออมสินมีแผนยกระดับการสร้างผลกระทบเชิงบวก Social Impact ผ่านมิติการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ 1) สร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม ผ่านบริการสินเชื่อที่ดิน “มีที่ มีเงิน” และบริการ Digital Lending ทั้งส่วนที่ให้บริการผ่านแอป MyMo และให้บริการผ่าน Non-Bank ที่จะเปิดตัวครั้งแรกในปี 2566 นี้ 2) พัฒนาศักยภาพให้เข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านการสร้างผู้ประกอบการ สร้างชุมชนเข้มแข็ง และการสร้างความมั่นคงยามเกษียณแก่ประชาชน และ 3) การบูรณาการแนวคิดเพื่อสังคมลงในภารกิจสำคัญของธนาคาร (Social Mission Integration) ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product) ด้านกระบวนการดำเนินงาน (Process) และการทำโครงการพิเศษต่าง ๆ (Project) โดยธนาคารตั้งเป้าให้ความช่วยเหลือและสร้างประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมได้ในระดับที่ลึกและกว้างขึ้น (Social Impact at Scale) และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบ SDGs

เช็กเลย!เงินช่วยชาวไร่อ้อยรอบแรก เข้าบัญชีแล้ว7.7พันล้าน1.22แสนราย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้า ครม.เห็นชอบโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น ฤดูการผลิตปี 64/65 ในอัตรา 120 บาทต่อตัน กรอบวงเงิน 8,319.24 ล้านบาทว่า ได้เริ่มจ่ายเงินรอบแรกช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดี ไม่เกินวันที่ 7 ต.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 65 ผ่านบัญชี ธ.ก.ส. ของชาวไร่อ้อยแต่ละรายโดยตรง จำนวน 122,651 ราย มีปริมาณอ้อยสดส่งโรงงาน 64.36 ล้านตัน เป็นจำนวนเงิน 7,723.73 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือครบทุกรายภายในเดือน พ.ย. 65

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ในพื้นที่ปลูกอ้อย 47 จังหวัดทั่วประเทศ สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
ปี 65-67 รวมถึงขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อลดต้นทุนการตัดอ้อยสด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดลดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสดก่อนส่งโรงงานเพิ่มมากขึ้น โดยกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมผลักดันอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เติบโตไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

นายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินไปยังบัญชีของท่านผ่านไลน์ “ตรวจสิทธิ์อ้อย” หากไม่มีปัญหาระบบจะแจ้งว่า “บัญชีพร้อมโอน” และหากได้รับการโอนแล้วระบบจะแจ้งว่า “โอนเงินสำเร็จแล้ว” กรณีระบบแจ้งว่าบัญชีของท่าน “ไม่สามารถรับโอนได้” ระบบจะแจ้งให้ทราบว่าไม่สามารถโอนได้เนื่องจากกรณีใด ให้ผู้ตรวจสิทธิฯ รีบแจ้งดำเนินการแก้ไขผ่านโรงงานคู่สัญญาของท่าน และให้โรงงานทำหนังสือรับรองมายังสำนักบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย (สบน.) เพื่อรับรองและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) พิจารณาตรวจสอบร่วมกับ ธ.ก.ส. เพื่อเร่งดำเนินการเบิกจ่ายต่อไป

เพิ่มไม่หยุด! 3.4ล้านคนเป็นหนี้เสียโควิด มีปัญหาค้างจ่าย 3.7 แสนล้านบาท

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า หนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล ที่เกิดจากผลกระทบโควิด เรียกว่ารหัส 21 ในไตรมาส 2 ปี 66 (สิ้นเดือน มิ.ย. 66) อยู่ที่ 3.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.4 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 6 หมื่นล้านบาท และเพิ่ม 3 แสนคน เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 66 ที่มี 3.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.1 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากหนี้เสียรหัส 21 ของธนาคารของรัฐ ที่เพิ่ม 3.6 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 2 นี้ โดยข้อมูลหนี้เสียทั้งหมดในไตรมาส 2 มีอยู่กว่า 1.03 ล้านล้านบาทคำพูดจาก ทดลองเล่น

ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของหนี้เสียรหัส 21 นั้น เพิ่มทั้งของจำนวนเงินและจำนวนรายทั้งๆที่มีการเร่งปรับโครงสร้าง​หนี้​ตามมาตรการแบบมุ่งเป้าอย่างเต็มกำลังของธนาคาร ทำให้​เห็น​ถึงความอ่อนแรงของความสามารถ​ในการชำระหนี้​ของลูกหนี้กลุ่มนี้ที่ชัดเจน​และยังเกิดจากค่าครองชีพสูง รวมทั้งเศรษฐกิจฟื้นตัวไม่ทั่วถึง คำถามคือในระยะเวลาที่เหลือก่อนมาตรการปรับโครงสร้าง​หนี้​ระยะยาว หรือมาตรการฟ้าส้ม​สิ้นสุดไปในปลายปี​นี้ จะส่งผลให้เกิดความอืด ความหนืดในการเร่งจัดการหนี้เสียเป็นหนี้ดีตามที่มุ่งหวังหรือไม่​

สำหรับหนี้ครัวเรือนไทยที่จัดเก็บในระบบเครดิตบูโร มีทั้งสิ้น 13.45 ล้านล้านบาท ครอบคลุม​ลูกหนี้ 32 ล้านคน​ ที่เป็นหนี้กับสถาบันการเงิน​ไทยกว่า​ 135 แห่ง​ และหนี้เสียกลับเพิ่มขึ้นเกิน 1 ล้านล้านบาทอีกครั้ง มาอยู่ที่ 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็น 7.7% เมื่อเทียบไตรมาส​ 1 ปี​ 66​ อยู่ที่​ 9.5 แสนล้านบาท และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อด้วยสถานการณ์​ทางเศรษฐกิจ​แบบยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และทั่วถึง ส่วนหนี้ที่ปรับโครงสร้างมีอยู่ 9.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่มี 8 แสนล้านบาท

ขณะที่ข้อมูลของหนี้เสียเอ็นพีแอล 1.03 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย​ หนี้กู้ซื้อรถยนต์​เกือบ​ 2 แสนล้านบาท​, หนี้กู้ซื้อบ้าน​ที่อยู่​อาศัย​ 1.8 แสนล้านบาท, หนี้ส่วนบุคคล 2.5 แสนล้านบาท​, บัตรเครดิต​ 5.6 หมื่นล้านบาท​, หนี้เกษตร​ 7.2 หมื่นล้านบาท​ เป็นต้น​ ที่น่าสังเกตคือหนี้กู้มาซื้อรถยนต์​นั้นเพิ่มขึ้นจากกลางปีที่แล้ว​ มิ.ย. 65 มาสูงถึง 18% ยอมรับว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และหนี้ที่กำลังเฝ้าระวังเป็นหนี้เสีย หรือเอสเอ็ม แม้จะลดจาก 4.75 แสนล้านบาท ในไตรมาสแรกมาอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท ในไตรมาส 2 แต่หนี้กู้มาซื้อรถยนต์ 2 แสนล้านบาท ก็ยังคงน่าเป็นห่วง

นอกจากนี้หนี้กู้ซื้อบ้านที่เป็นเอสเอ็มใหล้เสียมี​ 1.3 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้​ 9 หมื่นล้านบาท เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินของรัฐ​ ซึ่งสะท้อนไปที่บ้านราคาไม่แพง​ กลุ่มรายได้ปานกลาง, รายได้น้อย​ และยังมีหนี้เอสเอ็มของหนี้ส่วนบุคคลอีก​ 8.6 หมื่นล้านบาท​ โดยอัตราส่วนที่กลุ่มนี้จะไหลเป็นเอ็นพีแอลนั้นแบ่งเป็นสินเชื่อบ้านอยู่ที่​ 22%, สินเชื่อรถยนต์​ 12%, สินเชื่อส่วนบุคคล​ 54% และบัตรเครดิต​ 57% สะท้อนว่ายังไม่เป็นขนาดถล่มทลาย​ แบบตกหน้าผาหนี้เสียคำพูดจาก เว็บสล็อตทดลองเล่น

อย่างไรก็ตาม การค้างชำระในส่วนของหนี้ที่มีหลักประกัน​ เช่น รถยนต์, บ้านที่อยู่​อาศัย​นั้น​ เป็นอะไรที่ไม่น่าจะสบายใจ เพราะยังมีเรื่องของค่าครองชีพ, ค่าไฟฟ้า​ ค่าน้ำมัน​เชื้อเพลิง​อีกส่วนหนึ่งที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น​มีแรงกดดันค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วย ถ้าลูกหนี้ที่เลี้ยงงวดการจ่ายหนี้เดือนชนเดือน เริ่มมีปัญหา ควรรีบเข้าไปขอคำปรึกษา​ กับทางด่วนแก้หนี้​ คลินิกแก้หนี้​ หรือโทร.​ 1213​ เพื่อขอความช่วยเหลือได้ในตอนนี้

แบงก์ยกระดับเข้มคุมคนมีหนี้สูง ให้ดอกเบี้ยเงินกู้ตามความเสี่ยง

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะขึ้นไปสูงสุดที่ 2.5% ในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งจากการประเมินของธนาคารไทยพาณิชย์ยังไม่เห็นความเปราะบางของลูกค้า แต่ยังต้องปรับโมเดลการปล่อยสินเชื่อใหม่ในครึ่งปีหลัง และเตรียมเฝ้าระวังหนี้ก้อนเดิมที่อาจมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยสินเชื่อจะมีการพิจารณาที่เข้มขึ้น ดูความเหมาะสม ดูว่าคนกู้มีหนี้มากน้อยเพียงใด สอดคล้องกับการฟื้นตัวของประเทศ หรือมีประวัติชำระหนี้ที่ดีหรือไม่

นอกจากนี้ เรื่องที่ต้องพิจารณาควบคู่คือเรื่องการปล่อยสินเชื่อตามความเสี่ยง ว่าคนกู้เสี่ยงมากคิดดอกเบี้ยสูง คนกู้เสี่ยงน้อยคิดดอกเบี้ยถูก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และในเรื่องนี้ทางสมาคมธนาคารไทยกำลังพิจารณาอยู่ ทางธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมน้อมรับนโยบายจากทั้งธปท.และนโยบายตามที่สมาคมธนาคารไทยตัดสินใจ แต่เชื่อว่าปัจจุบันทุกธนาคารได้มีเกณฑ์การพิจารณาความเสี่ยงในลักษณะนี้อยู่แล้ว โดยธนาคารต้องมองไปในอนาคตเพราะยังมีความท้าทายอยู่ทั้งต้องเตรียมเรื่องบริหารจัดการความเสี่ยง การพิจารณา การตั้งสำรอง การเผื่อสำรอง เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

“ทุกธนาคารในระบบพยายามสนองนโยบาย การส่งผ่านนโยบายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพอร์ตและมุมมองในอนาคต และฐานลูกค้า สามารถรับความเสี่ยงหรือรับการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยได้หรือไม่ ปัจจุบันไทยพาณิชย์ไม่ได้เป็นธนาคารที่มีการส่งผ่านดอกเบี้ยเยอะที่สุด อยู่ในกลุ่มกลางๆ จะรอดูท่าทีธนาคารอื่นๆและธปท.ก่อนจะประกาศขึ้นต่อไป ถ้าธนาคารอื่นพร้อมขึ้น แต่ไทยพาณิชย์ไม่พร้อมก็ไม่ขึ้น แต่ถ้าคนอื่นไม่ไปแต่พอร์ตพร้อม และมองเห็นโอกาส เราอาจขึ้นได้เช่นเดียวกัน”คำพูดจาก ทดลองใช้ สูตรสล็อต

นายกฤษณ์ กล่าวว่า จากการประเมินเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเมื่อตอนต้นปีเทียบปัจจุบันพบว่าแตกต่างกันสิ้นเชิง โดยการปล่อยสินเชื่อปีนี้อาจไม่ได้ตามเป้าหมาย สินเชื่อไม่ได้เติบโตมาก และต้องมีความระมัดระวัง เพราะความไม่แน่นอนจากความกังวลหลายด้าน ซึ่งการให้ธนาคารมีความเข้มแข็งเป็นโจทย์ที่สำคัญมากกว่า เพราะสามารถเติบโต รายได้ กำไร ผ่านทางอื่นๆได้ เช่น ลดต้นทุน และบริหารจัดการหนี้เสียให้ได้ตามเป้าหมาย เป็นต้นคำพูดจาก รวมเว็บ PG Slot

“การปล่อยสินเชื่อประเภทธุรกิจต้องดูว่าลูกค้ามีความสัมพันธ์กับไทยพาณิชย์อย่างไร ผ่อนจ่ายหนี้ตรงหรือไม่ และมีประสบการณ์ ประวัติผ่อนจ่ายดีหรือเปล่า หรือเป็นธุรกิจใหม่และเป็นสิ่งที่ไทยพาณิชย์ยังไม่เคยทำ ก็ต้องกลับไปดูว่าสอดคล้องกับแนวทางโครงสร้างการพัฒนาประเทศหรือเปล่า ถ้าใช่ก็มองว่าควรสนับสนุน ซึ่งการพิจารณานี้เองเป็นการคัดกรองว่าจะปล่อยหรือไม่”

ทั้งนี้ในเรื่องของหนี้ครัวเรือน พบว่า ไม่ได้มาจากธนาคารพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ แต่มาจากธนาคารของรัฐ 70% , 20% มาจากนอนแบงก์ ไฟแนนซ์ และอีก 10% มาจากธนาคารพาณิชย์ จะเห็นว่าธนาคารพาณิชย์ไทยไม่ได้เป็นตัวเร่งหนี้ครัวเรือนมากนัก ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ได้ปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เป็นธรรมและมีจริยธรรม ก่อนจะปล่อยสินเชื่อควรบอกลูกค้าว่า การกู้เงินมีด้านดีและด้านเสีย ถ้ากู้โดยไม่คำนึงถึงรายได้ที่มาและกู้เยอะจนเกินไป ทำให้คุณภาพชีวิตลูกค้าลดถอยด้อยลงไป ไม่ยัดเยียดลูกค้ามากเกินไป