แบงก์ยกระดับเข้มคุมคนมีหนี้สูง ให้ดอกเบี้ยเงินกู้ตามความเสี่ยง
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะขึ้นไปสูงสุดที่ 2.5% ในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งจากการประเมินของธนาคารไทยพาณิชย์ยังไม่เห็นความเปราะบางของลูกค้า แต่ยังต้องปรับโมเดลการปล่อยสินเชื่อใหม่ในครึ่งปีหลัง และเตรียมเฝ้าระวังหนี้ก้อนเดิมที่อาจมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยสินเชื่อจะมีการพิจารณาที่เข้มขึ้น ดูความเหมาะสม ดูว่าคนกู้มีหนี้มากน้อยเพียงใด สอดคล้องกับการฟื้นตัวของประเทศ หรือมีประวัติชำระหนี้ที่ดีหรือไม่
นอกจากนี้ เรื่องที่ต้องพิจารณาควบคู่คือเรื่องการปล่อยสินเชื่อตามความเสี่ยง ว่าคนกู้เสี่ยงมากคิดดอกเบี้ยสูง คนกู้เสี่ยงน้อยคิดดอกเบี้ยถูก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และในเรื่องนี้ทางสมาคมธนาคารไทยกำลังพิจารณาอยู่ ทางธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมน้อมรับนโยบายจากทั้งธปท.และนโยบายตามที่สมาคมธนาคารไทยตัดสินใจ แต่เชื่อว่าปัจจุบันทุกธนาคารได้มีเกณฑ์การพิจารณาความเสี่ยงในลักษณะนี้อยู่แล้ว โดยธนาคารต้องมองไปในอนาคตเพราะยังมีความท้าทายอยู่ทั้งต้องเตรียมเรื่องบริหารจัดการความเสี่ยง การพิจารณา การตั้งสำรอง การเผื่อสำรอง เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
“ทุกธนาคารในระบบพยายามสนองนโยบาย การส่งผ่านนโยบายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพอร์ตและมุมมองในอนาคต และฐานลูกค้า สามารถรับความเสี่ยงหรือรับการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยได้หรือไม่ ปัจจุบันไทยพาณิชย์ไม่ได้เป็นธนาคารที่มีการส่งผ่านดอกเบี้ยเยอะที่สุด อยู่ในกลุ่มกลางๆ จะรอดูท่าทีธนาคารอื่นๆและธปท.ก่อนจะประกาศขึ้นต่อไป ถ้าธนาคารอื่นพร้อมขึ้น แต่ไทยพาณิชย์ไม่พร้อมก็ไม่ขึ้น แต่ถ้าคนอื่นไม่ไปแต่พอร์ตพร้อม และมองเห็นโอกาส เราอาจขึ้นได้เช่นเดียวกัน”คำพูดจาก ทดลองใช้ สูตรสล็อต
นายกฤษณ์ กล่าวว่า จากการประเมินเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเมื่อตอนต้นปีเทียบปัจจุบันพบว่าแตกต่างกันสิ้นเชิง โดยการปล่อยสินเชื่อปีนี้อาจไม่ได้ตามเป้าหมาย สินเชื่อไม่ได้เติบโตมาก และต้องมีความระมัดระวัง เพราะความไม่แน่นอนจากความกังวลหลายด้าน ซึ่งการให้ธนาคารมีความเข้มแข็งเป็นโจทย์ที่สำคัญมากกว่า เพราะสามารถเติบโต รายได้ กำไร ผ่านทางอื่นๆได้ เช่น ลดต้นทุน และบริหารจัดการหนี้เสียให้ได้ตามเป้าหมาย เป็นต้นคำพูดจาก รวมเว็บ PG Slot
“การปล่อยสินเชื่อประเภทธุรกิจต้องดูว่าลูกค้ามีความสัมพันธ์กับไทยพาณิชย์อย่างไร ผ่อนจ่ายหนี้ตรงหรือไม่ และมีประสบการณ์ ประวัติผ่อนจ่ายดีหรือเปล่า หรือเป็นธุรกิจใหม่และเป็นสิ่งที่ไทยพาณิชย์ยังไม่เคยทำ ก็ต้องกลับไปดูว่าสอดคล้องกับแนวทางโครงสร้างการพัฒนาประเทศหรือเปล่า ถ้าใช่ก็มองว่าควรสนับสนุน ซึ่งการพิจารณานี้เองเป็นการคัดกรองว่าจะปล่อยหรือไม่”
ทั้งนี้ในเรื่องของหนี้ครัวเรือน พบว่า ไม่ได้มาจากธนาคารพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ แต่มาจากธนาคารของรัฐ 70% , 20% มาจากนอนแบงก์ ไฟแนนซ์ และอีก 10% มาจากธนาคารพาณิชย์ จะเห็นว่าธนาคารพาณิชย์ไทยไม่ได้เป็นตัวเร่งหนี้ครัวเรือนมากนัก ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ได้ปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เป็นธรรมและมีจริยธรรม ก่อนจะปล่อยสินเชื่อควรบอกลูกค้าว่า การกู้เงินมีด้านดีและด้านเสีย ถ้ากู้โดยไม่คำนึงถึงรายได้ที่มาและกู้เยอะจนเกินไป ทำให้คุณภาพชีวิตลูกค้าลดถอยด้อยลงไป ไม่ยัดเยียดลูกค้ามากเกินไป